เว็บไซต์ส่วนตัว
หน้าแรก
ประวัติส่วนตัว
ความภาคภูมิใจ
สมุดเยี่ยม
::.การศึกษาเพื่อรับใช้ใคร?.
มหาวิทยาลัยนั้น คือ โครงสร้างแห่งการสอนให้ปริญญาในระดับอุดมศึกษา ทำให้นักศึกษาอย่างพวกเรารู้สึกว่าเป็นหัวกะทิของกลุ่มคน และมีโอกาสทำให้นักศึกษามีคุณวุฒิ สำหรับตำแหน่งสูง ๆ ในสังคม นักศึกษาอย่างเราไม่คิดจะทราบว่าเราได้พลาดความรู้ส่วนที่สำคัญที่สุดไป
 
นั่นคือ ความรู้ในศาสนา (อัดดีน) ซึ่งเป็นแสงสว่างส่องทางให้แก่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราร่ำเรียนมา นั่นเป็นการดีกว่าการที่พวกเราศึกษาไปอย่างตาบอด และไขว่คว้าอยู่ในความมืดมน อาวุธแห่งความรู้ที่พวกเราหามาได้บางครั้งกลับมาฟาดฟันเราและมนุษย์ชาติส่วนให?่ เพราะความไม่รู้เป็นอาวุธที่ดีที่สุดของไชตอนที่มีอยู่ และคนไม่รู้ย่อมตกเป็นเหยื่อของมันอย่างง่ายดาย
 
ในยุคแรก ๆ ของอิสลาม มุสลิมทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิง ต่างแสวงหาแสงสว่างจากคัมภีร์โดยตรง แต่มุสลิมในปัจจุบันหาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาไม่มีเวลาแม้แต่ที่จะศึกษา และความรู้ของพวกเราเกี่ยวกับศาสนาก็ได้มาจากบรรดา "มุลลาฮฺ" หรือนักธรรมที่มีความรู้เพียงงู ๆ ปลา ๆ เท่านั้น ส่วนพวกที่อ่านอัลกุรอ่านได้ ก็จะอ่านเพียงเพื่อท่องจำ เพราะคิดว่าเป็นการกระทำที่ได้รับผลบุญ โดยไม่ปราถนาที่จะเรียนรู้ความหมายเพื่อนำไปใช้ในการปฎิบัติ แล้วเราหล่ะอยู่ในชนกลุ่มใด
 
ตามความคิดของเรา มุสลิมทุกวันนี้ต้องการ "ทำให้เป็นอิสลาม" มิใช่ "การทำให้ทันสมัย" ทั้งนี้เพราะเราเริ่มรำลึกถึงหลักการอันมีค่า และคำสั่งอันดีงามของอัลกุรอาน ตลอดจนกฎหมายอิสลามซึ่งสามารเผชิญความขัดแย้งจากสิ่งต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าอยู่ในยุคสมัยใด

แต่สิ่งที่สร้างความเจ็บปวดแก่ประชาติมุสลิม คือ ชาวยิวได้ควบคุมและบงการโลกไว้หมดแล้ว เราจะเห็นว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โลกได้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา แนวความคิดทางการศึกษาสมัยที่เราร่ำเรียนอยู่ ก็เป็นไปเป็นตามประสงค์ของยิว ความคิดทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การเมืองก็ออกมาในรูปลัทธินายทุนและลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งปล่อยให้ปะทะกันเองขึ้นในประเทศต่าง ๆ ก็มาจากยิว ทฤษฎีต่าง ๆ ที่สำคัญของโลกไม่ว่าทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน ทฤษฎีของ "ฟรอยด์" ทฤษฎีสัมพันธภาพของ "ไอร์สไตน์" ทฤษฎีการค้าของ "แอดัมสมิธ" ทฤษฎีค่าเช่าที่ดินของ "ริคาโด" ทฤษฎีการเพิ่มพูนประชากรของ "มัลทัส" ทฤษฎีมูลค่าส่วนเกินของ "คาร์ล มาร์ก" ทฤษฎีดอกเบี้ยของ "เคนส์" และแม้แต่ "เลนิน สลาติน" เหล่านี้ก็เป็นชาวยิวทั้งสิ้น
 
โลกของเรากำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ ซึ่งเป็นวิกฤติทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม และที่สำคัญคือ "วิกฤติทางปัญญา" แนวความคิดของชนรุ่นใหม่ในมหาวิทยาลัยทั่วโลกกำลังถูกสวมด้วยแว่นของยิว ที่ยัดเยียดให้มองเห็นโลกและเหตุการณ์อันยาวนานของประวัติศาสตร์ตามที่ยิวกำหนดเท่านั้น

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกินเลยความเป็นจริง ทฤษฎีทั้งหลายยิวได้ครอบงำไว้หมดแล้ว

ทฤษฎีดอกเบี้ย...ทฤษฎีมูลค่าส่วนเกิน...ทฤษฎีนายทุนและคอมมิวนิสต์ เปิดการเรียนการสอนในรายวิชาเศรษฐศาสตร์

ทฤษฎีชาร์ล ดาร์วิน เปิดสอนในรายวิชาชีววิทยา

ทฤษฎีสัมพันธภาพ เปิดสอนในรายวิชาฟิสิกส์ นักศึกษาสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทุกคนมีโอกาสได้สัมผัสมัน

ทฤษฎีการค้าเสรี เปิดสอนในรายวิชาองค์การและการจัดการ นักศึกษาสายวิทยาการจัดการ บั?ชี บริหาร เศรษฐศาสตร์ มีโอกาสได้รับแนวคิดของมัน

ด้วยเหตุผลดังกล่าวที่ผ่านมา จึงเกิดคำถามที่ชวนคิดขึ้นมาว่า "เราเรียนไป เพื่อรับใช้ใคร" ในเมื่อการศึกษาที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาเกือบครึ่งชีวิต แนวคิดส่วนใหญ่ที่ได้รับจากการเรียนรู้ ส่วนให?่สวนทางกับแนวทางอิสลามเกือบทั้งหมด นี่หรือ! หัวกะทิของประชาชาติมุสลิม
 
ถึงเวลาแล้วหรือยัง! ที่จะมีองค์กรพิเศษเข้ามาดูและจัดการเรื่องการศึกษาของนักศึกษามุสลิมโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับทางโลก (สามัญ)
ถึงเวลาแล้วหรือยัง! ที่จะจัดตั้งชมรม สมาคมต่าง ๆ ของมุสลิม เช่น สมาคมนักวิทยาศาสตร์มุสลิม มาดูแลการศึกษามุสลิมและตรวจสอบความสอดคล้องของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์กับอัลกุรอานและซุนนะฮ์ และชี้ให้เห็นอันตรายต่างของทฤษฎีต่าง ๆ ที่สวนทางกับแนวทางของอิสลาม เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ
 
เป้าหมายของเราไม่ได้ต้องการให้นักศึกษาต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่ต้องการให้เรียนรู้อย่างเท่าทัน และชี้ให้เห็นอันตรายพร้อมทั้งหาทางแก้ระบบต่าง ๆ ที่สวนทางให้กลายเป็นระบอบอิสลาม ถึงเวลาแล้วที่ระบบต่าง ๆ ต้องถูกทำลายและอยู่ภายใต้ร่มเงาของอิสลาม ระบบทุนนิยมต้องล้มทั้งยืน และถูกแทนที่ด้วยอิสลาม

พี่น้องมุสลิมที่รักยิ่งทั้งหลาย ในฐานะที่วันนี้เราคือ ผู้แสวงหาความรู้ จงใช้เวลาอันมีค่าอันน้อยนิดนี้อย่างเต็มที่ พิจารณาถึงชีวิตที่ผ่านมาของท่านและจำเป็นต้องเตรียมตัวเองสำหรับ...อนาคต

พี่น้องมุสลิมที่รักยิ่งทั้งหลาย จะมีประโยชน์อะไร...ถ้าความรู้ที่เราศึกษาเล่าเรียนมาตลอดชีวิต ไม่ได้ทำให้หัวใจของเราได้รู้จักและประกาศความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ
 
จะมีประโยชน์อะไร...ถ้าเรายังอ่อนแอเกินกว่าที่จะควบคุมอารมณ์ใฝ่ต่ำของเรากับเรื่องไร้สาระ แต่...ไม่เคยแม้แต่น้ำตาสักหยดเดียว..สำหรับมุสลิมที่ถูกเข่นฆ่าและตายในการต่อสู้กับศัตรูของอัลลอฮฺ

ถึงเวลาแล้ว...ที่อิสลามต้องกลับมาบริหารและจัดการโลกอีกครั้งหนึ่ง และพวกเราทุกคนจะต้องตั้งความหวังเอาไว้ว่า "เรานี่แหละ....คือ...ความหวังของมนุษยชาติ"

ผู้เขียน : นุฮฺ บิน อาซ...นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์


คัดลอกจาก: เว็บไซต์ muslimthai